การ ทาสีรองพื้น เป็นหนึ่งในขั้นตอนของการ ทาสี ที่ทราบกันโดยทั่วไป แต่... บ่อยครั้งที่เราพบว่าขั้นตอนนี้ถูกละเลย ไม่ได้ลงมือทำ บางครั้งเกิดจากการที่ผู้ทารู้สึกว่ามันยุ่งยากเสียเวลา บางครั้งก็เกิดจากความคิดที่จะประหยัดงบประมาณลง และส่วนมากก็คิดว่า พอทาสีจริงลงไปแล้วมันก็ไม่มีใครรู้ว่าทาสีรองพื้นหรือไม่... แต่ทราบไหมว่า การไม่ทาสีรองพื้น ก่อปัญหาตามมาได้ในภายหลัง... เรื่องนี้ สีไดเมท ผู้เชี่ยวชาญด้านสี เจ้าของสโลแกน “สีมีพลัง” ได้ฝาก houzzMate ให้นำเอาคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเผยแพร่ให้ได้รับทราบกัน...

ซีรี่ย์ความรู้เรื่องงานช่าง จาก สีไดเมท ซึ่งอีกหนึ่งผู้สนับสนุนของ houzzMate มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ในเรื่องงานช่างที่เกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์สี , งานสี และการ เคลือบพื้นผิว ให้กับ ช่าง และ ผู้อยู่อาศัย เพื่อให้สามารถทำงานสีและงานช่างที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้อง ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นองค์ความรู้ที่ผู้ผลิต สีไดเมท สั่งสมมา และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากการเรียนรู้วิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ใช้ผลิตภัณฑ์งานสีและงานเคลือบพื้นผิวที่ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการมากที่สุด

ปัญหาที่เกิดขึ้นได้จากการ ไม่ทาสีรองพื้น

1. ปัญหาเรื่องการยึดเกาะของสี สีรองพื้น มีหน้าที่ในการเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะระหว่างพื้นผิวเดิมกับสีที่จะทาทับ หรือ ที่เรียกว่า สีทับหน้า ให้แนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันได้มากขึ้น หากไม่ทาสีรองพื้น แน่นอนว่าประสิทธิภาพในส่วนนี้ก็จะหย่อนลง ยิ่งเป็นในกรณี การทาสีใหม่ทับสีเดิมที่มีอยู่ก่อน หากไม่มีการทาสีรองพื้น มักจะพบปัญหาสีหลุดร่อนอย่างรวดเร็วเกิดขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากสีใหม่และสีเดิมไม่แนบสนิท แต่ทั้งนี้การร่อนของสีก็อาจเกิดจากการที่สีเดิมที่อยู่ข้างล่าง หมดสภาพ หรือมีปัญหาอยู่ก่อน มันจึงพาสีใหม่หลุดออกมาด้วยกันเป็นแผ่นๆ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มงานสี ต้องตรวจสอบสภาพพื้นผิวของสีเดิมให้ละเอียด และควรมีการขูดสีที่เสื่อมสภาพออกให้หมด และทำความสะอาดให้เรียบร้อยทิ้งให้แห้งสนิท ก่อนและตามด้วยการทาสีรองพื้นทับลงไป ก่อนที่จะทาสีทับหน้า

2. ปัญหาสารเคมีจากพื้นผิวภายในออกฤทธิ์กับสีทับหน้า หมายถึงการทำปฏิกิริยาระหว่างสารที่อยู่ในพื้นผิว ซึ่งอาจจะเป็นความเป็นกรดเป็นด่าง หรือ สารเคมีอื่นๆ ที่ผสมหรือยู่ในวัสดุ ทำปฏิกิริยากับสีที่เราทาลงไปโดยตรง ซึ่งบางครั้งเกิดปฏิกิริยาที่ทำให้คุณสมบัติของสีเสียหาย อาจทำให้เกิดการซีดจาง เปลี่ยนสี หรือ หลุดร่อน เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และอาจทำให้คุณสมบัติในการปกป้องของสีเสื่อมหรือไม่ได้ผลเต็มที่ การทาสีรองพื้น เป็นการช่วยยับยั้งโอกาสที่จะเกิดปฏิกิริยานี้ให้ลดน้อยลง

3. ปัญหาการเกิดสนิม และ การผุกร่อนของพื้นผิววัสดุ แม้ว่าสีจริง หรือสีทับหน้าจะทำหน้าที่ในการปกป้องพื้นผิวอยู่แล้ว แต่ สีรองพื้น เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผิวของวัสดุให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากสีรองพื้นจะสร้างชั้นฟิล์มหนาเคลือบปกป้องพื้นผิวแท้เอาไว้อีกชั้น ช่วยยับยั้งความชื้น ออกซิเจน และปฏิกิริยาเคมี หรือการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมเกิดขึ้นได้ยากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ไม้ หรือ คอนกรีต หากไม่ได้รับการปกป้องพื้นผิวที่ดี ก็เกิดปัญหาได้เช่นเดียวกัน

นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้หากไม่ทาสีรองพื้น ก่อน เว้นแต่ในกรณีที่ใช้ผลิตภัณฑ์สีชนิดพิเศษ ที่สามารถทาได้โดยไม่ต้องทาสีรองพื้น แต่ราคาของสีและความข้นซึ่งมีผลกับพื้นที่ต่อปริมาณสีที่ต้องใช้ในการทาก็จะมีความแตกต่างไป อย่างไรก็ตาม ก่อนการใช้งานสีรองพื้น ผู้ที่จะทาสี ไม่ว่าจะเป็น ช่างสี มืออาชีพ หรือ มือสมัครเล่น ก็ควรที่จะอ่านข้อมูลในการใช้งานสีให้ละเอียดก่อนลงมือทำงานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ตามที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของอุณหภูมิในเวลาที่เราจะทา ซึ่งเรื่องนี้ส่วนมากจะถูกละเลยเพราะไม่ทราบว่ามีผล อาทิ สีวัททิล ไอดี อะครีลิคซีลเลอร์ อันเดอร์โคท ซึ่งเป็นสีรองพื้นปูนชนิดพิเศษอัลตร้าพรีเมี่ยม ของ สีไดเมท จะมีข้อแนะนำการใช้งานไว้ว่า ไม่ควรใช้สีในที่อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส หรือ มีอุณหภูมิสูงเกินกว่า 35 องศาเซลเซียส จึงจะได้ผลดีที่สุด นี่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่ควรศึกษาอย่างละเอียดก่อนทำงาน เพื่อจะได้รับผลจากประสิทธิภาพในการทาสีรองพื้นอย่างสมบูรณ์ และแน่นอน หากเรา ไม่ทาสีรองพื้น ก็จะเจอปัญหาอื่นๆ ตามมามากมาย ซึ่งหากเอามาเทียบกับสิ่งที่เราคิดว่าประยัดได้ ดูเหมือนมันจะไม่คุ้มกันเลย... ดังนั้น ทาสีรองพื้นเอาไว้ ได้ประโยชน์กว่า และถูกต้องตามขั้นตอน ได้ประสิทธิภาพที่สูงกว่าแน่นอน...